104/35-36 Moo 12, Bang Pla, Bang Phli, Samut Prakan 10540 | 02-174-6176 | sale@uniqueproducts.co.th
Logo

บทความและกิจกรรมของเรา

ติดตามบทความและข้อมูลเชิงลึกล่าสุดจากเรา

Blog Image

เทคนิคการเลือกสีให้เหมาะกับพื้นผิว (ปูน, เหล็ก, ไม้ ฯลฯ)

ในการงานก่อสร้างหรือซ่อมแซมอาคาร “สี” ไม่ได้เป็นแค่ตัวช่วยเพิ่มความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นชั้นป้องกันพื้นผิวจากความชื้น แสงแดด และสารเคมีต่าง ๆ การเลือกชนิดของสีให้เหมาะกับพื้นผิวแต่ละประเภทจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยยืดอายุงาน ลดปัญหาการหลุดลอก และประหยัดงบในระยะยาว   1. พื้นผิวปูน (ผนัง, ฝ้า, เพดาน) ลักษณะพื้นผิว: มีรูพรุนสูง ดูดซับน้ำง่าย และมีความชื้นสะสมสีที่เหมาะสม: สีอะคริลิก (Acrylic Emulsion Paint): ใช้งานง่าย แห้งเร็ว ยึดเกาะดี เหมาะกับงานภายในและภายนอก สีซิลิโคน (Silicone Paint): ทนน้ำและรังสี UV สูง เหมาะสำหรับอาคารภายนอกที่ต้องการความคงทนมาก สีรองพื้นปูนใหม่ (Sealer): จำเป็นมาก โดยเฉพาะปูนที่อายุน้อยกว่า 28 วัน เพื่อป้องกันด่างจากปูนกัดกร่อนสีจริง เทคนิคการทา: ตรวจสอบความชื้นของผนัง (ไม่เกิน 14%) ก่อนทา ใช้สีรองพื้นปูนใหม่หรือเก่าตามสภาพพื้นผิว ทาสีจริงอย่างน้อย 2 ชั้น เพื่อความเรียบเนียนและปกปิดสีพื้นได้ดี   2. พื้นผิวเหล็ก (โครงสร้าง, รั้ว, ประตู, เหล็กกล่อง) ลักษณะพื้นผิว: มีโอกาสเกิดสนิมเมื่อโดนความชื้นและออกซิเจนสีที่เหมาะสม: สีน้ำมัน (Synthetic Enamel Paint): ให้ผิวมันวาวและป้องกันสนิมได้ดี สีอีพ็อกซี (Epoxy Paint): ทนสารเคมีและแรงกระแทกสูง เหมาะกับงานโรงงานหรือพื้นที่อุตสาหกรรม สีรองพื้นกันสนิม (Red Oxide Primer / Zinc Phosphate Primer): เป็นชั้นสำคัญก่อนทาสีจริง เพื่อป้องกันการเกิดสนิมจากภายใน เทคนิคการทา: ขัดล้างคราบน้ำมัน ฝุ่น และสนิมออกให้หมดก่อนทา หากมีสนิมมาก ให้ใช้แปรงลวดหรือเครื่องขัดสนิมจนถึงเนื้อเหล็ก ทารองพื้นกันสนิม 1 ชั้น และทาทับด้วยสีจริง 2 ชั้นขึ้นไป 3. พื้นผิวไม้ (วงกบ, บานประตู, เฟอร์นิเจอร์) ลักษณะพื้นผิว: ดูดซึมน้ำได้ง่าย ยืดหดตามอุณหภูมิสีที่เหมาะสม: สีน้ำมันสำหรับไม้: ให้ความเงาและปกป้องจากความชื้นได้ดี สีย้อมไม้ (Wood Stain): แสดงลายไม้ชัดเจน เหมาะกับงานตกแต่ง แลกเกอร์ (Lacquer) หรือ โพลียูรีเทน (Polyurethane): ใช้กับงานภายในที่ต้องการผิวเงาสวยงาม เทคนิคการทา: ขัดผิวไม้ให้เรียบและสะอาดก่อนทา หากเป็นไม้เก่า ให้ลอกสีเดิมและขัดให้ถึงเนื้อไม้ ทาสีรองพื้นไม้ 1 ชั้น ตามด้วยสีจริง 2 ชั้น หรือสีย้อมไม้ 3 รอบบาง ๆ 4. พื้นผิวอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา   ประเภทพื้นผิว สีที่แนะนำ หมายเหตุ อะลูมิเนียม / โลหะเคลือบ สีอีพ็อกซี + รองพื้นเกาะโลหะ ต้องขัดผิวให้หยาบก่อน คอนกรีตพื้น สีอีพ็อกซีพื้น / สีโพลียูรีเทน ทนการสึกหรอสูง ใช้ในโกดังหรือโรงงาน พลาสติก / ไฟเบอร์ สีสเปรย์อะคริลิก ใช้ร่วมกับไพรเมอร์สำหรับพลาสติก   5. เคล็ดลับการเลือกสีอย่างมืออาชีพ อ่าน ข้อมูลทางเทคนิค (Technical Data Sheet – TDS) ของสีทุกครั้ง เพื่อดูค่าการยึดเกาะ ความหนาแห้ง และการใช้งานที่เหมาะสม ใช้ อุปกรณ์ทาให้เหมาะกับชนิดสี เช่น ลูกกลิ้งสำหรับงานผนัง, แปรงสำหรับซอกเล็ก, หรือเครื่องพ่นสำหรับพื้นที่กว้าง อย่าผสมยี่ห้อสีต่างกัน ในระบบเดียวกัน เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้สีไม่ยึดเกาะ คำนึงถึง สภาพแวดล้อมหน้างาน เช่น แสงแดดจัด ความชื้นสูง หรือใกล้ทะเล ซึ่งส่งผลต่อการเสื่อมของสี สรุป การเลือกสีให้เหมาะกับพื้นผิวไม่ใช่เรื่องของ “ความสวย” เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ “วิศวกรรมพื้นผิว” ที่ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของวัสดุ สภาพแวดล้อม และระบบสีที่ถูกต้อง หากช่างหรือผู้รับเหมาศึกษาและวางระบบสีให้เหมาะสมตั้งแต่ต้น งานจะมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น สวยงาม ทนทาน และลดการซ่อมบำรุงได้อย่างมาก

เพิ่มเติม
Blog Image

เทรนด์ในอุตสาหกรรมสีปี 2025 (StartUs Insights)

อุตสาหกรรมสีและเคลือบผิว (Paint & Coating Industry) กำลังเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในปี 2025 จากเดิมที่ “สี” ถูกมองว่าเป็นเพียงวัสดุตกแต่งหรือป้องกันพื้นผิว ปัจจุบันเทคโนโลยีสีได้พัฒนาไปสู่การเป็น วัสดุอัจฉริยะ (Smart Material) ที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน เพิ่มความปลอดภัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทวิเคราะห์เทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น StartUs Insights, PPG, และ Axalta ต่างชี้ว่า “6 นวัตกรรมสี” ต่อไปนี้ คือเทรนด์หลักที่กำลังพลิกโฉมวงการก่อสร้างและงานตกแต่งทั่วโลกในปี 2025 1. สีแอนตี้แบคทีเรีย / สีต้านเชื้อจุลชีพ (Antibacterial & Antimicrobial Paints) แนวคิดหลัก:สีชนิดนี้มีส่วนผสมของสารต้านจุลชีพ เช่น เงินนาโน (Silver Ion), ทองแดง, หรือสารประกอบซิงก์ ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและยับยั้งการเติบโตของเชื้อราได้อย่างต่อเนื่อง จุดเด่น: ป้องกันการสะสมของเชื้อโรคบนพื้นผิวผนัง ลดความเสี่ยงจากเชื้อราหรือกลิ่นอับในพื้นที่ชื้น ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานในระยะยาว การใช้งานจริง:นิยมใช้ในโรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม ห้องครัว และอาคารที่มีระบบสุขอนามัยสูงในปี 2025 ผู้ผลิตอย่าง Nippon Paint และ Dulux Professional ได้พัฒนาโซลูชัน “สีฆ่าเชื้อแบบไร้กลิ่น” ที่ปลอดสารพิษและปล่อยไอระเหยน้อยลง เหมาะสำหรับอาคารพักอาศัยมากขึ้น 2. เทคโนโลยีโค้ทติ้งนาโน (Nanocoatings) แนวคิดหลัก:ใช้อนุภาคนาโนขนาดเล็กระดับ 1/1000 ของเส้นผม มาสร้างฟิล์มบาง ๆ ที่แข็งแรงกว่าสีทั่วไป แต่ยังคงโปร่งใสและยึดเกาะได้ดี คุณสมบัติพิเศษ: เพิ่มความทนทานต่อรังสี UV, ความชื้น, และสารเคมี ลดการเกิดรอยขีดข่วน เพิ่มความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่น (Self-cleaning effect) ตัวอย่างเทคโนโลยี:สีเคลือบนาโนซิลิกา (Nano-Silica) และนาโนไทเทเนียม (Nano-TiO₂) ที่ใช้หลักการ “Hydrophobic Surface” ทำให้น้ำไม่เกาะผิว ลดการเกิดคราบและเชื้อรา แนวโน้มในตลาด:เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในโครงสร้างอาคารระดับพรีเมียม โรงงานผลิตอาหาร รวมถึงโครงการ Smart Building ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา 3. สีแบบ Self-Healing (ซ่อมแซมตัวเองได้) แนวคิดหลัก:สีชนิดนี้สามารถ “รักษารอยขีดข่วนเล็ก ๆ” ได้ด้วยตัวเอง เมื่อเกิดรอยแตกในฟิล์มสี โมเลกุลพิเศษภายในจะเคลื่อนไหวกลับมาปิดช่องว่างให้เรียบเหมือนเดิม กลไกการทำงาน:ส่วนใหญ่ใช้ไมโครแคปซูล (Microcapsule) ที่บรรจุสารเคมีซ่อมแซม เช่น Resin หรือ Polyurethane เมื่อเกิดรอยแตก แคปซูลจะแตกตัวและปล่อยสารซ่อมแซมออกมา ประโยชน์: ยืดอายุผิวสีและลดความจำเป็นในการซ่อมบำรุง เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแรงกระแทกหรือการใช้งานบ่อย เช่น พื้นโรงงาน หรือรั้วโลหะ ตัวอย่างการใช้จริง:หลายบริษัทในยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มทดลองใช้ในรถยนต์ อาคารสำนักงาน และวัสดุเคลือบเหล็ก เช่น ระบบ Self-healing Epoxy Coating ที่สามารถคืนสภาพได้ใน 24 ชั่วโมง 4. สีไม่มีสารระเหย (VOC-Free Paint) แนวคิดหลัก:VOC (Volatile Organic Compounds) คือสารระเหยที่มีกลิ่นฉุน เช่น โทลูอีนหรือฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เทรนด์ปี 2025:ผู้ผลิตทั่วโลกปรับสูตรสีให้เป็น VOC-Free หรือ “Ultra Low VOC” โดยใช้ตัวทำละลายน้ำ (Waterborne Base) และสารยึดเกาะจากพืช (Bio-based Binder) แทนสารเคมีเดิม ข้อดี: ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ไม่มีกลิ่นแรง ลดผลกระทบต่ออากาศภายในอาคาร (IAQ) ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน Green Label และ LEED ตัวอย่างผลิตภัณฑ์:PPG “Eco Touch Series” และ TOA “Supershield Green Label” ที่เน้นความปลอดภัยและคุณภาพสีไม่ต่างจากสูตรน้ำมัน 5. การแสดงสีแบบ 3D / Visualization Tools แนวคิดหลัก:ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Augmented Reality (AR) และ 3D Visualization ช่วยให้ผู้ใช้ “เห็นภาพสีจริงบนผนัง” ก่อนตัดสินใจเลือก ตัวอย่างเครื่องมือ: แอปพลิเคชัน “Dulux Visualizer” หรือ “TOA Color World” ระบบ AI Match Color ที่สามารถวิเคราะห์เฉดสีจากภาพถ่ายและแนะนำสีใกล้เคียงจากแบรนด์ ประโยชน์สำหรับช่างและเจ้าของบ้าน: ลดความผิดพลาดในการเลือกเฉดสี เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าเห็นผลลัพธ์ล่วงหน้า ใช้ในการนำเสนอผลงานหรือเสนอราคาได้อย่างมืออาชีพ ทิศทางปี 2025:มีการรวม AR เข้ากับอุปกรณ์ IoT และระบบ BIM (Building Information Modeling) ทำให้การออกแบบและเลือกสีสอดคล้องกับการก่อสร้างจริงแบบเรียลไทม์ 6. สีแห้งเร็ว (Fast-Drying Paints) แนวคิดหลัก:พัฒนาให้สีแห้งภายในไม่กี่นาที โดยใช้สูตรที่ระเหยเร็วหรือมีการเร่งปฏิกิริยาเคมีแบบควบคุม ข้อดีทางเทคนิค: ลดเวลาระหว่างการทาชั้นต่อไป ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น 30–50% ลดความเสี่ยงจากฝุ่นและรอยเปื้อนในระหว่างแห้ง ตัวอย่างเทคโนโลยี: สีสูตร “Quick Dry Alkyd” ของ AkzoNobel ที่แห้งใน 20 นาที ระบบ “UV-Cured Coating” ที่ใช้รังสี UV ทำให้แข็งตัวทันที เหมาะกับงานไม้และเฟอร์นิเจอร์ สรุปแนวโน้มอุตสาหกรรมสีปี 2025 ปี 2025 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการสีจาก “วัสดุตกแต่ง” สู่ “วัสดุเทคโนโลยี”ไม่ว่าจะเป็น สีรักษาสุขภาพ, สีรักษาตัวเอง, สีอัจฉริยะ หรือสีรักษ์โลก ล้วนตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ที่เน้นคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ผู้รับเหมาและช่างสีในยุคใหม่จึงควรติดตามและทดลองใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับงาน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และยกระดับมาตรฐานงานสีของไทยให้ทัดเทียมระดับสากล

เพิ่มเติม
Blog Image

สีกันไฟ คืออะไร เลือกใช้อย่างไรให้ถูกต้องตามกฎกระทรวง 2566

ในวงการก่อสร้างยุคใหม่ที่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดด้านความปลอดภัย การออกแบบโครงสร้างอาคารให้ทนต่ออัคคีภัยถือเป็นหัวใจสำคัญสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี "กฎกระทรวง กำหนดการออกแบบโครงสร้างอาคารฯ พ.ศ. ๒๕๖๖" ประกาศใช้ การเลือกใช้วัสดุป้องกันโครงสร้างเหล็กจึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตาม บริษัท ยูนิคโปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ผลิตสีกันไฟของคนไทย ด้วยนโยบายที่มุ่งเน้นคุณภาพและมาตรฐานเป็นหัวใจสำคัญ, เราจึงเข้าใจและพร้อมตอบโจทย์ข้อกฎหมายใหม่นี้ เราขอเสนอสีกันไฟคุณภาพสูงที่ผ่านการทดสอบและรับรองตามมาตรฐานสากลและข้อบังคับในประเทศ เพื่อให้ทุกโครงการของคุณถูกต้องและปลอดภัย 100% หลักการทำงานของสีกันไฟ: เกราะป้องกันที่มองไม่เห็น หลายคนอาจสงสัยว่าสีบางๆ จะช่วยกันไฟได้อย่างไร คำตอบคือ สีกันไฟ ไม่ใช่สีทาอาคารทั่วไป แต่เป็นสารเคลือบพิเศษที่จะแสดงประสิทธิภาพเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เมื่อผิวสีได้รับความร้อนสูง (ประมาณ 200-250°C) จะเกิดปฏิกิริยาพองตัวขึ้นเป็นชั้นคาร์บอนหนานุ่มคล้ายโฟม (Char Layer) ซึ่งทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนชั้นเยี่ยม ชะลอไม่ให้ความร้อนสัมผัสถึงเนื้อเหล็กโดยตรง ช่วยยืดเวลาให้โครงสร้างยังคงแข็งแรงและไม่วิบัติลงมาง่ายๆ ทำไมการใช้สีกันไฟจึงสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ยืดเวลาหนีไฟ ปกป้องชีวิต: เพิ่มระยะเวลาอันมีค่าให้ผู้คนในอาคารอพยพได้อย่างปลอดภัย สอดคล้องตามกฎกระทรวงฉบับล่าสุด พ.ศ. ๒๕๖๖: การเลือกใช้วัสดุป้องกันโครงสร้างเหล็กให้ทนไฟได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เป็นข้อบังคับสำคัญตาม "กฎกระทรวง กำหนดการออกแบบโครงสร้างอาคาร และลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ในงานโครงสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๖๖" การใช้สีกันไฟ Unique Products ทำให้โครงการของคุณผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานราชการได้อย่างมั่นใจ รักษาเสถียรภาพโครงสร้าง: ป้องกันการพังทลายของอาคาร ช่วยลดความเสียหายและจำกัดวงของเพลิงไหม้ ปกป้องทรัพย์สินและธุรกิจ: ลดความสูญเสียทางตรงและช่วยให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการต่อได้รวดเร็วยิ่งขึ้น Unique Products: เมื่อคุณภาพและมาตรฐานคือสิ่งสำคัญที่สุด หัวใจของ ยูนิคโปรดักส์ (ประเทศไทย) คือความมุ่งมั่นในคุณภาพที่เหนือกว่า...เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์สีกันไฟ 2 รุ่น เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการใช้งาน: Neocoat Intumescent Paint -W (สูตรน้ำ): กลิ่นอ่อน ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม (Low VOCs) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานภายในอาคาร โรงพยาบาล หรือพื้นที่ที่ต้องการความสะอาดเป็นพิเศษ Neocoat Intumescent Paint -S (สูตรน้ำมัน): ฟิล์มสีแข็งแกร่ง ทนทานต่อสภาวะอากาศและความชื้นได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ที่ต้องการความทนทานสูง   การรับรองมาตรฐาน: บทพิสูจน์ของนโยบายด้านคุณภาพ ผลิตภัณฑ์สีกันไฟทุกรุ่นจาก Unique Products ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง: ISO 834 & ASTM E119: มาตรฐานสากลที่ใช้อ้างอิงในการทดสอบการทนไฟของโครงสร้าง ผ่านข้อกำหนดตาม กฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๖๖: ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณสมบัติและผ่านการทดสอบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฉบับล่าสุด ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าโครงสร้างอาคารจะได้รับการป้องกันตามที่กฎหมายบังคับทุกประการ คำถามที่พบบ่อย (FAQ) Q: สีกันไฟของ Unique Products สอดคล้องกับกฎกระทรวง พ.ศ. 2566 หรือไม่? A: ใช่ครับ ผลิตภัณฑ์สีกันไฟของเราทั้งสูตรน้ำและสูตรน้ำมัน ได้รับการทดสอบและมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดใน "กฎกระทรวง กำหนดการออกแบบโครงสร้างอาคารฯ พ.ศ. ๒๕๖๖" ทำให้สามารถใช้ในโครงการก่อสร้างและผ่านการตรวจสอบอาคารได้อย่างแน่นอน Q: สีกันไฟ ราคาต่อตารางเมตรประมาณเท่าไหร่? A: ราคาสีกันไฟจะขึ้นอยู่กับชั่วโมงการทนไฟที่ต้องการ (เช่น 1, 2, หรือ 3 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายสำหรับอาคารแต่ละประเภท ท่านสามารถติดต่อเราเพื่อประเมินหน้างานและรับใบเสนอราคาฟรี! ติดต่อผู้ผลิตสีกันไฟโดยตรง เพื่อความถูกต้องตามกฎหมายและราคาที่ดีที่สุด ปกป้องโครงการของคุณตั้งแต่วันนี้ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก อย่าปล่อยให้ความเสี่ยงจากอัคคีภัยมาทำลายสิ่งที่สำคัญของคุณ เลือกความปลอดภัยที่มาพร้อมกับคุณภาพและมาตรฐานที่เหนือกว่า เลือก Unique Products

เพิ่มเติม