104/35-36 Amphoe Bang Phli, Chang Wat Samut Prakan 10540 | 02-174-6176 | info.uniquethailand@gmail.com
Logo

เทรนด์ในอุตสาหกรรมสีปี 2025 (StartUs Insights)

Blog Image

อุตสาหกรรมสีและเคลือบผิว (Paint & Coating Industry) กำลังเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในปี 2025 จากเดิมที่ “สี” ถูกมองว่าเป็นเพียงวัสดุตกแต่งหรือป้องกันพื้นผิว ปัจจุบันเทคโนโลยีสีได้พัฒนาไปสู่การเป็น วัสดุอัจฉริยะ (Smart Material) ที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน เพิ่มความปลอดภัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทวิเคราะห์เทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น StartUs Insights, PPG, และ Axalta ต่างชี้ว่า “6 นวัตกรรมสี” ต่อไปนี้ คือเทรนด์หลักที่กำลังพลิกโฉมวงการก่อสร้างและงานตกแต่งทั่วโลกในปี 2025

1. สีแอนตี้แบคทีเรีย / สีต้านเชื้อจุลชีพ (Antibacterial & Antimicrobial Paints)

แนวคิดหลัก:
สีชนิดนี้มีส่วนผสมของสารต้านจุลชีพ เช่น เงินนาโน (Silver Ion), ทองแดง, หรือสารประกอบซิงก์ ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและยับยั้งการเติบโตของเชื้อราได้อย่างต่อเนื่อง

จุดเด่น:

  • ป้องกันการสะสมของเชื้อโรคบนพื้นผิวผนัง

  • ลดความเสี่ยงจากเชื้อราหรือกลิ่นอับในพื้นที่ชื้น

  • ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานในระยะยาว

การใช้งานจริง:
นิยมใช้ในโรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม ห้องครัว และอาคารที่มีระบบสุขอนามัยสูง
ในปี 2025 ผู้ผลิตอย่าง Nippon Paint และ Dulux Professional ได้พัฒนาโซลูชัน “สีฆ่าเชื้อแบบไร้กลิ่น” ที่ปลอดสารพิษและปล่อยไอระเหยน้อยลง เหมาะสำหรับอาคารพักอาศัยมากขึ้น

2. เทคโนโลยีโค้ทติ้งนาโน (Nanocoatings)

แนวคิดหลัก:
ใช้อนุภาคนาโนขนาดเล็กระดับ 1/1000 ของเส้นผม มาสร้างฟิล์มบาง ๆ ที่แข็งแรงกว่าสีทั่วไป แต่ยังคงโปร่งใสและยึดเกาะได้ดี

คุณสมบัติพิเศษ:

  • เพิ่มความทนทานต่อรังสี UV, ความชื้น, และสารเคมี

  • ลดการเกิดรอยขีดข่วน

  • เพิ่มความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่น (Self-cleaning effect)

ตัวอย่างเทคโนโลยี:
สีเคลือบนาโนซิลิกา (Nano-Silica) และนาโนไทเทเนียม (Nano-TiO₂) ที่ใช้หลักการ “Hydrophobic Surface” ทำให้น้ำไม่เกาะผิว ลดการเกิดคราบและเชื้อรา

แนวโน้มในตลาด:
เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปใช้ในโครงสร้างอาคารระดับพรีเมียม โรงงานผลิตอาหาร รวมถึงโครงการ Smart Building ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา

3. สีแบบ Self-Healing (ซ่อมแซมตัวเองได้)

แนวคิดหลัก:
สีชนิดนี้สามารถ “รักษารอยขีดข่วนเล็ก ๆ” ได้ด้วยตัวเอง เมื่อเกิดรอยแตกในฟิล์มสี โมเลกุลพิเศษภายในจะเคลื่อนไหวกลับมาปิดช่องว่างให้เรียบเหมือนเดิม

กลไกการทำงาน:
ส่วนใหญ่ใช้ไมโครแคปซูล (Microcapsule) ที่บรรจุสารเคมีซ่อมแซม เช่น Resin หรือ Polyurethane เมื่อเกิดรอยแตก แคปซูลจะแตกตัวและปล่อยสารซ่อมแซมออกมา

ประโยชน์:

  • ยืดอายุผิวสีและลดความจำเป็นในการซ่อมบำรุง

  • เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีแรงกระแทกหรือการใช้งานบ่อย เช่น พื้นโรงงาน หรือรั้วโลหะ

ตัวอย่างการใช้จริง:
หลายบริษัทในยุโรปและญี่ปุ่นเริ่มทดลองใช้ในรถยนต์ อาคารสำนักงาน และวัสดุเคลือบเหล็ก เช่น ระบบ Self-healing Epoxy Coating ที่สามารถคืนสภาพได้ใน 24 ชั่วโมง

4. สีไม่มีสารระเหย (VOC-Free Paint)

แนวคิดหลัก:
VOC (Volatile Organic Compounds) คือสารระเหยที่มีกลิ่นฉุน เช่น โทลูอีนหรือฟอร์มาลดีไฮด์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

เทรนด์ปี 2025:
ผู้ผลิตทั่วโลกปรับสูตรสีให้เป็น VOC-Free หรือ “Ultra Low VOC” โดยใช้ตัวทำละลายน้ำ (Waterborne Base) และสารยึดเกาะจากพืช (Bio-based Binder) แทนสารเคมีเดิม

ข้อดี:

  • ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

  • ไม่มีกลิ่นแรง

  • ลดผลกระทบต่ออากาศภายในอาคาร (IAQ)

  • ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน Green Label และ LEED

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์:
PPG “Eco Touch Series” และ TOA “Supershield Green Label” ที่เน้นความปลอดภัยและคุณภาพสีไม่ต่างจากสูตรน้ำมัน

5. การแสดงสีแบบ 3D / Visualization Tools

แนวคิดหลัก:
ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Augmented Reality (AR) และ 3D Visualization ช่วยให้ผู้ใช้ “เห็นภาพสีจริงบนผนัง” ก่อนตัดสินใจเลือก

ตัวอย่างเครื่องมือ:

  • แอปพลิเคชัน “Dulux Visualizer” หรือ “TOA Color World”

  • ระบบ AI Match Color ที่สามารถวิเคราะห์เฉดสีจากภาพถ่ายและแนะนำสีใกล้เคียงจากแบรนด์

ประโยชน์สำหรับช่างและเจ้าของบ้าน:

  • ลดความผิดพลาดในการเลือกเฉดสี

  • เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าเห็นผลลัพธ์ล่วงหน้า

  • ใช้ในการนำเสนอผลงานหรือเสนอราคาได้อย่างมืออาชีพ

ทิศทางปี 2025:
มีการรวม AR เข้ากับอุปกรณ์ IoT และระบบ BIM (Building Information Modeling) ทำให้การออกแบบและเลือกสีสอดคล้องกับการก่อสร้างจริงแบบเรียลไทม์

6. สีแห้งเร็ว (Fast-Drying Paints)

แนวคิดหลัก:
พัฒนาให้สีแห้งภายในไม่กี่นาที โดยใช้สูตรที่ระเหยเร็วหรือมีการเร่งปฏิกิริยาเคมีแบบควบคุม

ข้อดีทางเทคนิค:

  • ลดเวลาระหว่างการทาชั้นต่อไป

  • ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น 30–50%

  • ลดความเสี่ยงจากฝุ่นและรอยเปื้อนในระหว่างแห้ง

ตัวอย่างเทคโนโลยี:

  • สีสูตร “Quick Dry Alkyd” ของ AkzoNobel ที่แห้งใน 20 นาที

  • ระบบ “UV-Cured Coating” ที่ใช้รังสี UV ทำให้แข็งตัวทันที เหมาะกับงานไม้และเฟอร์นิเจอร์

สรุปแนวโน้มอุตสาหกรรมสีปี 2025

ปี 2025 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการสีจาก “วัสดุตกแต่ง” สู่ “วัสดุเทคโนโลยี”
ไม่ว่าจะเป็น สีรักษาสุขภาพ, สีรักษาตัวเอง, สีอัจฉริยะ หรือสีรักษ์โลก ล้วนตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ ที่เน้นคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม

ผู้รับเหมาและช่างสีในยุคใหม่จึงควรติดตามและทดลองใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับงาน เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และยกระดับมาตรฐานงานสีของไทยให้ทัดเทียมระดับสากล

โพสต์ก่อนหน้า ไม่มีโพสต์ถัดไป